กระบวนการ ซัพพลาย เชน
- โลจิสติกส์ และ ซัพพลายเชน: กิจกรรมหลักด้านโลจิสติกส์
- “พาณิชย์”เดินหน้ายกระดับวิชาชีพโลจิสติกส์-ซัพพลายเชนสู่สากล
- Supply Chain (ซัพพลายเชน) มีผลต่อ Logistics (โลจิสติกส์) ?
- ต้นทุนสินค้าในด้านโลจิสติกส์ มีอะไรบ้าง ? แบ่งออก 4 ประเภท
- บริการ NDID
- โลจิสติกส์และซัพพลายเชน ระบบที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้ไว้! - JWD
การบริการลูกค้า ( Customer Service) เป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ซึ่งกิจกรรมนี้ครอบคลุมตั้งแต่การนำส่งสินค้าที่ถูกต้อง ถูกจำนวน ถูกสถานที่ถูกเวลาตรง ตามเงื่อนไขทตี่ กลงกันไว้ ด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ทั้งนี้ประสิทธิภาพในการให้บริการจะมากหรือน้อยนั้น ต้องขึ้นอยู่กับกิจกรรมทางด้านโลจิสติกส์อื่นประกอบด้วย เช่น กิจกรรมการขนส่งที่ช้าส่งผลให้ระดับความพึงพอใจของลูกค้าลดลง 3. กระบวนการสั่งซื้อ ( Order processing) กระบวนการในการจัดการคำสั่งซื้อ ครอบคลุมตั้งแต่การรับคำสั่งซื้อจากลูกค้า การติดต่อสื่อสารกับลูกค้า การตรวจสอบยอดสินค้าคงคลัง รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับลูกค้า กิจกรรมนี้เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างองค์กรกับลูกค้า ดังนั้นมีผลต่อระดับความพึงพอใจของลูกค้าได้ง่าย จึงควรใช้เวลาในกระบวนการนี้ให้สั้นและหลีกเลี่ยงความผิดพลาดให้ได้มากที่สุด 4. การคาดการณ์ความต้องการ ( Demand forecasting) เป็นการพยากรณ์ความต้องการในตัวสินค้าหรือบริการของลูกค้า นับว่าเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญในการสร้างผลกำไรหรือทำให้องค์กรขาดทุนได้ การคาดการณ์ความต้องการช่วยให้องค์กรสามารถกำหนดทิศทางในการดำเนินงาน กล่าวคือ สามารถวางแผนความต้องการใช้ทรัพยากรในแต่ละกระบวนการได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้ปริมาณการจัดเก็บสินค้าคงคลังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 5.
โลจิสติกส์ และ ซัพพลายเชน: กิจกรรมหลักด้านโลจิสติกส์
การบริหารคลังสินค้าและการจัดเก็บ ( Warehousing และ Storage) กิจกรรมที่เกิดขึ้นภายในคลังสินค้า ตั้งแต่กระบวนการในการวางโครงสร้างคลังสินค้า การออกแบบและจัดวาง การจัดการพื้นที่ภายในคลังสินค้าระดับของสินค้าคงคลัง รวมถึงการดูแลรักษาอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ที่จำเป็นในการดำเนินกิจกรรมภายในคลังสินค้าเพื่อให้การจัดการคลังสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยต้นทุนที่เหมาะสมที่สุด 9. โลจิสติกส์ย้อนกลับ ( Reverse Logistics) กระบวนการจัดการสินค้าที่ถูกส่งกลับคืน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลที่ว่า สินค้าเสียหาย หรือหมดอายุการใช้งาน เรียกได้ว่าองค์กรมีความจำเป็นในการวางนโยบายที่จะรองรับสินค้าที่ถูกส่งคืน หรือขยะพวกนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดต้นทุนน้อยที่สุด บางครั้งสินค้าเหล่านี้อาจนำกลับมาสร้างประโยชน์โดยการนำผ่านกระบวนการ หรือนำกลับมาใช้ใหม่ก็เป็นได้ ซึ่งจะช่วยในเรื่องของต้นทุนได้เป็นอย่างดี แต่ในกรณีที่เป็นสินค้าอันตราย มีผลต่อสภาพแวดล้อม ปัจจุบันมีกฏระเบียบที่เคร่งครัดสำหรับเรื่องการทำลายสินค้าให้เหมาะสมทำให้องค์กรควรตระหนักถึงส่วนนี้ด้วย 10. การจัดเตรียมอะไหล่และชิ้นส่วนต่างๆ ( Parts และ Services Support) ส่วนหนึ่งของการบริการหลังการขาย โดยมีการจัดหาชิ้นส่วน อะไหล่ และเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการให้บริการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพในกรณีที่สินค้าเกิดชำรุดไม่ว่าจะเป็นเพราะจากความบกพร่องของกระบวนการผลิตหรือจากการใช้งานของลูกค้าเองก็ตาม เพื่อเป็นการรักษาระดับความพึงพอใจของลูกค้าไว้และรักษาลูกค้าให้คงอยู่กับองค์กรในระยะยาว ดังนั้นองค์กรมีความจำเป็นที่จะต้องมีระบบการจัดการในส่วนนี้ที่มีประสิทธิภาพ 11.
“พาณิชย์”เดินหน้ายกระดับวิชาชีพโลจิสติกส์-ซัพพลายเชนสู่สากล
- บริการ NDID
- ต้นทุนสินค้าในด้านโลจิสติกส์ มีอะไรบ้าง ? แบ่งออก 4 ประเภท
- "แม่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ต้องควบคุมอย่างไร" | เดลินิวส์
- สินค้า ใน เครือ cp – porto live
- สร้อยคอทอง 1 บาท (05/10/2562) - BanThongGold.com
- Birkenstock zurich ราคา slides
- Apple watch 5 ราคา release
- ทบทวนหุ้มเบาะรถยนต์ isuzu หุ้มเบาะดีแม็ก Isuzu D-max All new 2020 2021 2022 ตัดตรงรุ่น แบบสวมทับ D-max เบาะdmax เบาะดีแม็ก | Good price
- โลจิสติกส์ และ ซัพพลายเชน: กิจกรรมหลักด้านโลจิสติกส์
- Tissot tradition ราคา for sale
- “คิมฮเยซอง” (Kim Hye Seong) เผย รู้สึกเครียด เหตุผู้คนยังคิดว่าตนอยู่มัธยมปลาย
- ยา monurol 3 g ราคา มือสอง
Supply Chain (ซัพพลายเชน) มีผลต่อ Logistics (โลจิสติกส์) ?
ต้นทุนสินค้าในด้านโลจิสติกส์ สามารถแบ่งออกเป็นประเภท ได้ 4 ประเภท ดังนี้ 1. ต้นทุนการขนส่ง ( Transportation Cost) ต้นทุนที่เกิดจากกิจกรรมการขนส่งและบริการซึ่งต้นทุนเหล่านี้ยังผันแปรไปตามปริมาณการขนส่ง น้ำหนัก ระยะทาง จุดหมายปลายทาง รวมไปถึงวิธีการขนส่งที่ก่อให้เกิดต้นทุนที่แตกต่างกัน 2. ต้นทุนคลังสินค้า (Warehousing Costs) ต้นทุนที่เกิดจากกิจกรรมภายในคลังสินค้าและการจัดเก็บสินค้า การถ่ายโอนข้อมูลในคลังสินค้า การเลือกสถานที่ตั้ง เช่น โรงงาน คลังสินค้า ซึ่งจะแปรผันไปตามชนิดและปริมาณของสินค้า 3. ต้นทุนในการเก็บรักษาสินค้าคงคลัง (Inventory Carrying Cost) ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรักษาสินค้าคงคลัง ซึ่งจะผันแปรไปกับปริมาณของสินค้าคงคลังและทำให้เกิดต้นทุนด้านต่าง ๆ อีก เช่น ต้นทุนเงินทุน (Capital Cost) และต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) ต้นทุนในการดูแลสินค้าได้แก่ ค่าประกันภัย และภาษี ต้นทุนพื้นที่การจัดเก็บสินค้า ได้แก่ ต้นทุนด้านสถานที่ซึ่งสัมพันธ์กับปริมาณของสินค้า ต้นทุนความเสี่ยงในการจัดเก็บสินค้า ได้แก่ ความล้าสมัย การลักขโมย 4. ต้นทุนการบริหาร (Administration Cost) เกิดจากกิจกรรมหลัก 3 ประเภท คือ ระดับการให้บริการ ( Customer Service Level) เป็นเงินที่จ่ายไปเพื่อสนับสนุนการบริการลูกค้า เช่น ค่าใช้ จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการทำให้คำสั่งซื้อสมบูรณ์ ต้นทุนกระบวนการสั่งซื้อและระบบสารสนเทศ (Order Processing and Information Costs) ได้แก่ ต้นทุน ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสั่งซื้อ การกระจายการติดต่อสื่อสาร และการพยากรณ์อุปสงค์ ต้นทุนปริมาณ (Lot Quantity Cost) ซึ่งโดยหลักการแล้วจะขึ้นอยู่กับปริมาณสินค้าที่จัดซื้อจัดหาและผลิต
ต้นทุนสินค้าในด้านโลจิสติกส์ มีอะไรบ้าง ? แบ่งออก 4 ประเภท
ช่วยเพิ่มความรวดเร็วให้กับธุรกิจและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการต่างๆ ของซัพพลายเชน ส่งผลต่อการส่งมอบวัตถุดิบและบริการต่างๆ ได้อย่างทันเวลา และการนำสินค้าใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด 2. ช่วยลดต้นทุนของสินค้าและต้นทุนรวมได้อย่างมีประสิทธิผล ซึ่งเป็นผลมาจากการลดจำนวนสินค้าคงคลัง 3. การตัดสินใจทางธุรกิจตั้งอยู่บนฐานของข้อมูลและข่าวสารที่ถูกต้องแม่นยำ 4. เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน 5. ช่วยให้เกิดการรวมพลังทางธุรกิจ ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทุกธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันของห่วงโซ่อุปทานที่ 6. ช่วยสร้างความพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า 7. ทุกกระบวนการสามารถทำดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพได้อย่างเที่ยงตรง 8. เพิ่มกำไรให้กับธุรกิจและเป็นการพัฒนาธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน ในยุคที่ทุกธรกิจมีการแข่งขันสูง การมีระบบบริหารจัดการซัพพลายเชนและ ระบบโลจิสติกส์ ที่ดีถือเป็นกลยุทธ์ที่ขาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะนอกจากจะช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างคล่องตัวมากขึ้นแล้ว ยังมีโอกาสขยับขยายไปสู่ตลาดโลกได้อีกด้วย
บริการ NDID
โลจิสติกส์และซัพพลายเชน ระบบที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้ไว้! - JWD
ดยธนิตศักดิ์ พุฒิพัฒน์โฆษิต บัณฑิตวิทยาลัยการจัดการและนวัตกรรม สาขาการจัดการโลจิสติกส์ (รุ่น 4) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กมลชนก สุทธิวาทนฤพุฒิ และคณะ (2546) ได้ให้จำกัดความ "กิจกรรมโลจิสติกส์" ว่าเป็นกิจกรรมสนับสนุนการทำงานภายในองค์กร เพื่อให้ทุกหน่วยงานภายในเชื่อมโยงเข้าหากัน รวมถึงการเชื่อมโยงภายนอกองค์กรทั้งด้านอุปสงค์ และอุปทาน โดยกิจกรรมหลักด้านโลจิสติกส์ ( Key Logistics Activities) สามารถแบ่งออกเป็น 13 กิจกรรม ดังนี้ 1.
กำหนดกระบวนการที่คุณจะใช้ในการจัดการและจัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยง มีวิธีการมากมายในการระบุความเสี่ยงที่สำคัญต่อองค์กรของคุณ ตัวอย่างเช่น การระดมสมอง การเขียน Turtle Diagramหรือการวิเคราะห์ผลกระทบกระบวนการล้มเหลว (PFMEA) เป็นต้น เมื่อคุณรวบรวมข้อมูลความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจของคุณแล้ว คุณจำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญของมัน แล้วจึงเฝ้าสังเกตโอกาสและผลกระทบต่อธุรกิจของคุณ หากความเสี่ยงเหล่านั้นเกิดขึ้น 2. สร้างเอกสารเพื่อการกำกับการทำงาน ความเสี่ยงและแผนการจัดการความไม่แน่นอน หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ผู้คนส่วนใหญ่มักหลงลืมในแผนของตนคือ "กระบวนการจัดการภายหลังเหตุการณ์เป็นปกติ" ตัวอย่างเช่น เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ เรามีแผนสำหรับการจัดการดับไฟ มีแผนที่จะให้ทุกคนอพยพออกจากอาคาร แต่อย่างไรก็ดี มีเพียงน้อยนิดที่จะคิดถึงการวางแผนว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากบุคคลสำคัญถูกไฟคลอกหรือกล่าวคือถ้าสายพานการผลิตเสียหายจะกลับมาดำเนินการต่อได้อย่างไร 3. ฝึกอบรมพนักงาน ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่คุณต้องมีและต้องมั่นใจได้ว่าพนักงานของคุณได้รับการฝึกอบรม ไม่ใช่แค่อบรมเพราะหน้าทีที่ต้องอบรมหรืออบรมเฉพาะบุคลากรใหม่ เพราะแผนการจัดการกับความไม่แน่นอนอาจจะไม่มีประโยชน์หากพนักงานที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบในการดำเนินงานตามแผน ไม่มีความรู้และความเข้าใจว่าต้องดำเนินการอะไรอย่างไร เมื่อเกิดเหตุขึ้น 4.
การเลือกที่ตั้งโรงงานและคลังสินค้า ( Plant และ Warehouse Site Selection) กิจกรรรมการเลือกที่ตั้งของโรงงานและคลังสินค้าที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความสะดวกในการเข้าถึงและระยะทางการการขนส่ง ให้เพิ่มระดับสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว 12. Material Handling กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้าย วัตถุดิบ สินค้าระหว่างผลิต และสินค้าสำเร็จรูปภายในโรงงานหรือคลังสินค้าโดยมีวัตถุประสงค์ในการลดระยะทางในการเคลื่อนย้าย จำนวนครั้งในการเคลื่อนย้ายรวมถึงปริมาณของวัตถุที่เคลื่อนย้าย เพื่อให้มีต้นทุนในการจัดการที่ต่ำที่สุด เพราะการเคลื่อนย้ายทุกครั้งก่อให้เกิดต้นทุนแก่องค์กรทั้งสิ้น 13. การบรรจุภัณฑ์และหีบห่อ ( Packaging และ Packing) วัตถุประสงค์ของบรรจุภัณฑ์และหีบห่อตามหลักการตลาดมีไว้เพื่อเป็นการบ่งบอกรายละเอียดของสินค้าและสร้างการรับรู้ในตัวสินค้า แต่ในด้านโลจิสติกส์ บรรจุภณั ฑ์และหีบห่อนั้นมีไว้เพื่อปอ้ งกันตัวสินค้าจากความเสียหาย และอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายและจัดเก็บ การออกแบบบรรจุภัณฑ์หรือหีบห่อนั้นต้องมีความเหมาะสมกับอุปกรณ์การขนย้ายและคลังสินค้า เพื่อช่วยในการลดต้นทุนด้านวัตถุดิบ บรรณานุกรม [1] กมลชนก สุทธิวาทนฤพุฒิ ศลิษา ภมรสถิตย์ และ จักรกฤษณ์ ดวงพัสตรา, 2546, การจัดการโซ่อุปทานและโลจิสติกส์, สำนักพิมพ์ท้อป, กรุงเทพมหานคร